อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ในเดือน มิ.ย. 2565 ทะยานทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี มาอยู่ที่ 9.1% ทันทีที่ตัวเลขประกาศออกมา ได้เป็นการตอกย้ำสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กำลังสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เศรษฐกิจสหรัฐที่มีขนาดใหญ่อันดับ 1 ของโลก ได้เผชิญสารพัดปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า ทั้งราคาพลังงาน อาหาร และค่าใช้จ่ายอื่นที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ครัวเรือนสหรัฐแบกภาระมากขึ้น และจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยแรงอีกรอบ เพื่อลดความอัตราเงินเฟ้อ
สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มองว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าใกล้นิยามของเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งมองว่ายังมีการปรับตัวดีขึ้นของอุปสงค์ในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่อเนื่อง หลังผ่อนคลายมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ มีการขยายตัวของปริมาณการค้าโลก รวมถึงมีการดำเนินนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง
สถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ยืดเยื้อมาเกือบ 5 เดือน ส่งผลให้ราคาสินค้าหลายรายการปรับตัวสูงขึ้น เช่น ข้าวสาลี ปุ๋ย รวมถึงการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ในช่วงหลังราคาน้ำมันดิบจะลดลงต่ำกว่าบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์ แต่ราคาน้ำมันในไทยจะไม่ลดลงตามตลาดโลก หลังจากกองทุนน้ำมันและเชื้อเพลิงติดลบไปเกิน 110,000 ล้านบาท เป็นภาระที่รัฐบาลต้องจัดการ
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยทำสถิติใหม่หลายครั้ง โดยอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยในเดือน มิ.ย. 2565 ขยายตัว 7.66% สูงที่สุดในรอบ 13 ปี
นอกจากนี้ ถ้าเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยตามที่มีการประเมิน ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมาซ้ำเติมผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งรัฐบาลมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย
ถึงแม้ว่าภาคการท่องเที่ยวยังไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่หากปี 2566 ได้รับผลกระทบ นั่นหมายความว่า เครื่องจักรที่คาดหวังช่วยขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวจะหายไป
ขณะที่การส่งออกเป็นที่แน่นอนแล้ว มีทิศทางที่ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 เป็นต้นไป จึงน่าเป็นห่วงว่าปัญหาเศรษฐกิจเดิมที่มีอยู่แล้ว เมื่อรวมกับปัญหาใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะทำให้รัฐบาลรับมือได้แค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงปลายรัฐบาลที่มีพลังในการขับเคลื่อนประเทศลดลง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.bangkokbiznews.com
|